เมื่อออกเดินทางจากจากท่าเรือโยบุโกะแล้วคุณก็จะได้เห็นวิวทะเลและสะพานโยบุโกะที่สวยงามที่ไม่สามารถหาดูได้นอกจากนั่งเรือ

หลังจากนั่งเรือท่ามกลางลมทะเลสีน้าเงินและสายลมทะเลเย็นได้ 20 นาทีก็จะเห็นเกาะมัตซึชิมะ

พอถึงเกาะแล้วสิ่งแรกที่จะเห็นก็คือโบสถ์คริสต์ ในสมัยเอโดะเกาะมัตซึชิมะเป็นเกาะที่เหล่าผู้นับถือศาสนาคริสใช้เป็นแหล่งอพยพ ปัจจุบันผู้ที่อยู่อาศัยอยู่บนเกาะมัตซึชิมะทุกคนเป็นผู้นับถือศาสนาคริสเช่นกัน ฉะนั้นเกาะนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อนึงว่า “เกาะโรซาริโอ้”

ภาพริมภูเขาที่ติดกับทะเลสีน้าเงินนั้นเป็นภาพธรรมชาติที่ดูสวยงามจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไมได้

พอได้ลองไปสำรวจบริเวณที่จอดเรือแบ้วเราก็ได้พบกับคุณอามะที่เพิ่งกลับมาจากการจับหอยเม่น เท่าที่ได้ยินมาคุณอามะเป็นชาวประมงเพศชายคนเดียวของเกาะนี้ (ชาวประมงส่วนใหญ่ของเกาะนี้จะเป็นผู้หญิง)

ผู้อยู่อาศัยบนเกาะนี้แต่ละคนแต่ก็พูดอย่างเปิดใจเป็นมิตร พอเราถามพวกเขาเกี่ยวกับการประมงแล้วพวกเขาก็เอาหอยเม่นมาให้พวกเราแล้วบอกว่า “ทานมั้ย” หอยเม่นที่เพิ่งตกใหม่ๆจากทะเลนั้นอร่อยเป็นพิเศษจนทำให้พวกเราต้องพูดว่า “ขออีกอัน!”

ในตัวบริเวณเกาะนั้นไม่มีที่พักอาศัยข้ามคืนนอกจาก “ริสโตรานเต้ มัตซึชิมะ” (リストランテマツシマ) ที่ต้องจองก่อนล่วงหน้าเท่านั้นถึงจะเข้าพักได้ ถ้าได้มาเกาะนี้แล้วเราเชื่อว่าคุณจะได้ใช้เวลาหนึ่งวันอย่างสนุกสนานท่ามกลางธรรทชาติแน่นอน