เมืองคิสึกิในจังหวัดโออิตะเป็นเมืองเงียบสงบที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ให้คุณได้สำผัสเสน่ห์ของธรรมชาติทั้งภูเขาและแม่น้าในเวลาเดียวกัน และท่ามกลางธรรมชาตินี้ก็มีบ้านบ้านพักคุณสามารถลองทำการเกษตรและทัวร์ที่จะพาคุณไปกับการประมงญี่ปุ่น คราวนี้ คุณฮาวี่ และ คุณนูปูลก็ได้เดินทางมาเพื่อพิสูจน์เสน่ห์ของเมืองคิสึกินี้

ใครๆก็สามารถเดินทางไปเมืองคิสึกิได้อย่างไม่ยาก
หลังจากที่ได้เดินมาถึงเมืองคิสึกิแล้ว พวกเราก็ได้ลองเช่ายืมรถที่เมืองคิสึกินี้ครับ

“อู่เช่ารถคุนิซากิ” นี้มีบริการส่งรถถึงสถานนีรถไฟ ฉะนั้นต่อให้คุณเดินทางมาเมืองคิสึกิเป็นครั้งแรกก็เช่ารถได้สบายใจหายห่วงครับ

“อู่เช่ารถ คุนิซากิ”

เสน่ห์ของภูเขา① ทิวทัศน์ชนบทที่สวยงาม

หากคุณได้ลองขับรถเที่ยวเมืองคิสึกิแล้วก็ คุณก็จะได้ชมวิวเมืองชนบทควบคู่ไปกับภูเขา

ฮาวี่ “ก่อนที่ผมเดินทางมาญี่ปุ่น ผมเคยจินตนาการว่าสักวันผมจะได้เห็นทิวทัศน์แบบนี้”
นูปูล “ทิวทัศน์แบบนี้แหละที่บ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่น!”
ทั้ง 2 คนเอ่ยออกมาระหว่างที่ชมวิวทิวทัศน์อย่างน่าหลงไหล

เสน่ห์ของภูเขา② บ้านพักชาวนา

เมืองคิสึกินั้นมี “บ้านพักชาวนา” หลายๆแห่งใช้คุณได้ลองทำการเกษตรระหว่างพักแรมไปในเวลาเดียวกัน กิจกรรมที่ให้คุณค้างแรมระหว่างสำผัสการเกษตรก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวด้วย

คราวนี้พวกเราก็ได้มาเยี่ยมหนึ่งในบ้านพักชาวนาเหล่านั้นชื่อ “คาเตะโนะอิเอะ” ครับ บ้านนี้เป็นบ้านเก่าที่มีอายุถึง 80 ปีที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นนักให้นักท่องเที่ยวมาพักอาศัยได้ ภายในตัวบ้านนั้นกว้างขวางและหลงเหลือความเป็นญี่ปุ่นโบราณไว้อยู่ให้ผู้มาค้างแรมรู้สึกผ่อนคลาย

“การใช้ชีวิตในชนบทแบบนี้ไม่ลำบากเหรอคะ?” คุณนูปูลลองถามเจ้าของบ้านพักดู
“ก็ลำบากอยู่นะครับ แต่ก็ได้ทานอาหารอร่อยๆ ดื่มน้าอร่อยๆ และสูดอากาศดีทุกวันนะครับ” คุณเจ้าของบ้านพักก็ยิ้มตอบกลับมา

สเน่ห์ของภูเขา③ ลองทำมิโซะ

กิจกรรมที่คุณสามารถทำได้ที่บ้านพักชาวนานี้จะแตกต่างไปตามฤดูกาลเช่นกัน คราวนี้พวกเราได้มาลองทำมิโซะครับ มิโซะนั้นเป็นอาหารที่นำพวกเต้าเจี้ยวและเมล็ดข้าวต่างๆนาๆมาหมักและถือว่าเป็นอาหารที่ขาดจากอาหารญี่ปุ่นไม่ได้เลย ทางเจ้าของบ้านพักก็ให้พวกเราได้ลองทำมิโซะนี้ดูครับ

ซุปมิโซะ (ขวา)

อย่างแรกก็คือบดถั่วเต้าเจี้ยวก่อน ทั้งสองคนที่ให้ทำอย่างนี้เป็นครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมากๆ
“เร็วอีก! เร็วอีก!” คุณนูปูลเร่งคุณฮาวี่เข้าไปอีก แล้วคุณฮาวี่ก็ทำตามที่คุณนูปูลบอกแล้วเร่งยิ่งขึ้นไปออก

ถั่วเตาเจี้ยวที่ถูกบดจนละเอียด

หลักจากนั้นก็โรยเกลือลงไปในถั่วที่บดแล้วคลุกให้เข้ากันให้รสชาติของมิโซะกระจายไปทั่ว และความลับในการทำมิโซะให้อร่อยนั้นคือให้คิดว่า “จงอร่อยขึ้นนะ” ระหว่างทำไปครับ

“รสชาติเป็นยังไงบ้าง?” แล้วก็ลองทานมิโซะที่ทำขึ้นมา!

“อร่อย!!!” นูปูลเอ่ยออกมาอย่างดีใจ

คุณฮาวี่ก็รู้สึกภูมิใจเช่นกัน

มิโซะนั้นเป็นอาหารหมักที่ต้องใช้เวลาหมักครึ่งปีกว่าจะสามารถมาทำเป็นอาหารได้ และเพื่อไม่ให้มีราขึ้นระหว่างหมกเราต้องมัดให้เป็นก้อน ดูดอากาศออกให้หมด และเก็บอย่างระมัดระวัง

หลังจากนั้นเราก็ต้องเอามโซะที่ถูกมัดพวกนี้ใส่ลงไปในโอ่งหมักแล้วก็จะเสร็จสิ้น ทั้งสองคนก็จินตาการว่ามิโซะนี้จะแตกต่างจากที่เคยกินมายังไงนะ

สเน่ห์ของภูเขา④ วัตถุดิบของเมืองคิสึกิ

อาหารเย็นของวันนั้นคือ เท็มปุระ ผักขมคลุกมิโซะ และรากดอกบัวผัดและอาหารอื่นๆที่ทำจากวัตถุดิบของเมืองคิสึกิเป็นหลัก และพวกเราก็ได้ลองทานซุปมิโซะที่ทำจากมิโซะที่หมักตั้งแต่ 1 ปีก่อน

นูปูล “อร่อยแตกต่างจากของที่ซุปเปอร์มากๆเลยคะ!”
ฮาวี่ “อร่อยกว่ามิโซะที่เคยทานมาหลายเท่าเลย!”
พอทั้ง 2 คนได้ลองคิดว่ามิโซะที่ตัวเองทำจะอร่อยขนาดนี้ในอีกครึ่งปีข้างหน้าก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบรอไม่ไหว

หากคุณต้องการสอบถามเกี่ยวกับบ้านพักชาวนาเหล่านี้ ให้ติดต่อสมาคมการท่องเที่ยวเมืองคิสึกิครับ

เสน่ห์ของทะเล① สำผัสการประมงของอ่าวเบปปุ

เมืองคิสึกิเป็นเมืองที่หันหน้าออกอ่าวเบปปุที่เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลเหมาะแก่การประมง ฉะนั้นต่อการลองทำการเกษตรแล้วเราก็ต่อด้วยการประมงครับ

คราวนี้เราจะมานั่งเรือประมง “คาเนะมาซะมารุ” กันครับ เรือนี้เป็นเรือประมงอวนลากที่ใช้แหขนาดใหญ่ในการจับปลาจำนวนมากและหลากหลายชนิด แต่เพราะการจับแบบนี้ทำให้เราไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่นอนว่าเราจะได้อะไรบ้าง

ชาวประมงก็ได้อธิบายวิธีการผูกแหให้พวกเรา “วิธีการผูกยากมากจนจำไม่ได้เลยครับ (ฮือ)” คุณฮาวี่โอดครวญออกมาระหว่างกำลังต่อสู้กับแห

สถานที่เหมาะสำหรับการจับปลานั้นจะเปลื่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ คราวนี้เราก็ได้นั่งเรือไปประมาณ 30 นาทีเพื่อไปหาแหล่งประมงที่เหมาะสม

คุณนูปูลที่ได้เห็นภาพทะเลอันกว้างขวางก็ทำท่าเลียนแบบไททานิก “สวยมากๆแถมไม่มีอะไรกีดขวางเลย รู้สึกผ่อนคลายจริงๆคะ!”

หลังจากทอดแหไปเรือก็วิ่งวนไปรอบบริเวณประมาณ 30 นาที สภาพอากาศวันนี้ไม่ค่อยเป็นใจ ถึงกระนั้นนักประมงที่ไม่เกรงกลัวสภาพอากาศนั้นดูเท่มากๆ

น่าเสียดาย แหที่ทอดไปนั้นจับอะไรไม่ค่อยได้เท่าไร นักประมงก็กล่าวไว้ว่า “เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะจับอะไรได้จนกว่าจะดึงแหขึ้นมาก็เป็นหนึ่งในความสนุกเช่นกัน” วันนี้พวกเราได้รู้ถึงความสวยงาม ความโหด และความสนุกของทะเลได้แล้วคะ

สเน่ห์ของทะเล② ของอร่อยๆจากทะเล

พวกเราก็ได้ช่วยเหลือครอบครัวของกัปตันเรือในการทำอาหารเช่นกัน

“ฉันมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองคะ!” คุณนูปูลพูดอย่างมั้นใจ

คุณฮาวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆคุณนูปูลที่กำลังทำอาหารอย่างเงียบก็ได้กระซิบกับเราว่า “ยิ่งเธอทำมาเท่าไร ผมก็จะกินมากขึ้นเท่านั้นครับ!” ด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้นครับ

ปลาที่จับมาก็ถูกนำมาทอดเป็นคาราอาเกะ “ดูสิคะ! นี่คือปลาที่ฉันทอดกับมือเลยนะคะ!” คุณนูปูลรู้สึกภาคภูมิใจในปลาที่ตัวเองทอดเสร็จมากๆ

หลังจากที่ทอดเสร็จก็ให้เวลาทานทันที!! ทางคุณนูปูลทานอย่างอเร็ดอร่อย “นุ่มอร่อยมากๆคะ!”
ส่วนคุณฮาวี่ไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้นและกินอย่างไม่หยุด (ฮ่าๆ)

นอกจากนี้ก็มีอาหารปลาอื่นๆที่ไม่สามารถหาทานได้ที่เมืองอื่นๆนอกจากที่เมืองนี้เท่านั้นทำให้ทั้ง 2 คนรู้สึกดีใจมากๆที่ได้มาลอง ถึงแม้ว่าอาหารที่ได้ทานนั้นอร่อยก็จริง แต่ความอบอุ่นที่ได้รับจากครอบครัวของนักประมงนั้นทำให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

ใครที่สนใจที่จะลองการประมงให้ติอต่อสมาคมการท่องเที่ยวเมืองคิสึกิครับ

บ่อน้าร้อนยามะกะ “คาเซะโนะโก”

ถ้าพูดถึงจังหวัดโออิตะก็ต้องพูดถึงบ่อน้าร้อน และบ่อน้าร้อนยามากะ “คาเซะโนะโก” นี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและเป็นบ่อน้าร้อนที่นิยมในหมู่คนที่รู้จัก

ภายในอาคาร

บ่อน้าร้อนแบบเปิดโล่ง

“การได้มาแช่บ่อน้าร้อนแบบในทำให้ลืมความเหนื่อยล้าทั้งหมดและผ่อนคลายร่างกายและจิตใจได้ครับ รู้สึกเหมือนพลังทั้งหมดกำลังกลับมาสู่ตัวครับ” คุณฮาวี่พูดระหว่างที่กำลังคลายความเหนื่อยหล้า

บ่อน้าร้อนยามะกะ “คาเซะโนะโก”

เมืองนี้เป็นเมืองที่มีอาหารทะเลและภูเขาอร่อยๆมากมาย ผู้คนที่อยู่อาศัยต่างก็ใจดี ทั้ง 2 คนก็จะได้สำผัสถึงเสน่ห์ของเมืองคิสึกิอย่างเต็มๆ ทุกคนครับ หากคุณมีโอกาสได้มาเมืองนี้ก็อย่าลืมมาสำผัสสเน่ห์ของเมืองนี้นะครับ

สมาคมการท่องเที่ยวเมืองคิสึกิ