สถานีฮากาตะเป็นมากกว่าสถานีรถไฟแห่งเมืองฟุกุโอกะหรือใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู เพราะเป็นประตูสู่เกาะคิวชูและฮอนชูซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อการขนส่งทุกรูปแบบ ดังนั้นชื่อสถานีฮากาตะเป็นเสมือนตัวแทนและสัญลักษณ์ที่อยู่ใจกลางของเมืองฟุกุโอกะ
แรกเริ่มเดิมทีในปี1889สถานีฮากาตะถูกสร้างขึ้นห่างออกไปทางเหนือจากสถานีปัจจุบันประมาณ 500 เมตรและยังคงหลงเหลืออนุสาวรีย์ขนาดเล็ก2แห่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับสวนสาธารณะ Dekimachi หากทุกท่านยังพอมีเวลาขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมที่นี่กันได้
ตั้งแต่ที่มีการเปิดทำการของคิวชู ชินคังเซ็นเมื่อปี2011 ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นยิ่งกว่าศูนย์อำนวยความสะดวกของการคมนาคมเพราะยังได้กลายเป็นศูนย์กลางของแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ของฝากและแหล่งเอ็นเตอร์เทนอีกด้วย ดูได้จากจำนวนผู้ใช้บริการที่มากถึง120,000 คนต่อวัน

มาเริ่มกันที่ตัวตึกของสถานีฮากาตะนั้นเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ตั้งเป็นแนวทิศเหนือ-ใต้ มีสองประตูทางออกหลักอยู่ทางทิศตะวันออกและตะวันตก ภายในระยะห่างระหว่างสองประตูทางออกมีลานกว้างขวางเป็นที่ตั้งของเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่จำหน่ายตั๋ว ร้านขายของฝากต่างๆอีกมากมาย ในส่วนของประตูฝั่งตะวันออก(Chikushi)จะมีทางเข้าชานชาลาตกแต่งด้วยไฟดิจิตอลสีฟ้าตัดกับผนังสีดำทำให้นึกถึงหนังเรื่องTRONแห่งโลกอนาคตเลย รับรองว่าไม่มีทางที่จะหาไม่เจอ และฝั่งตรงข้ามทางเข้าชานชาลายังมีโซนขายของฝากทุกสิ่งอย่างจากคิวชูกว่า25 ร้าน ตั้งแต่ไข่ปลาเมนไตโกะไปจนสาเกท้องถิ่น รวมถึงยังมีร้านขายเบนโตะที่สามารถซื้อขึ้นไปทานบนรถไฟได้อีก โอยยย ซื้อกันไม่จบไม่สิ้นเลยทีเดียว ด้วยความที่ร้านรวงต่างๆมีเยอะอาจทำให้หลงๆ งงๆทิศบ้างก็
ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะที่หน่วยประชาสัมพันธ์เค้ามีเป็นแผนที่ให้เดินตามลายแทงกันได้เลย
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของศูนย์การค้าในสถานีเพียงเท่านั้นไปดูส่วนอื่นๆกันต่อดีกว่า

ส่วนต่อมาคือด้านหน้าของประตูฝั่งตะวันตก เป็นส่วนที่รวบรวมความบันเทิงและยังเป็นส่วนที่เพิ่งปรับปรุงใหม่เสร็จเมื่อปี2011นี้เอง โดยลานกว้างหน้าสถานีีถือเป็นจุดนัดพบหลักของคนส่วนมากเพราะมีทั้งที่นั่ง ป้ายเรียกแท็กซี่ ป้ายรถเมล์รวมถึงมีป้อมตำรวจใกล้ๆเพื่อความอุ่นใจอีกด้วย
ตัดกลับมาที่ตัวตึกกันต่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นหลังคาทรงโค้งๆและมีป้ายเขียนว่า ‘JR Hakata City’นี่ไม่ใช่ชื่อใหม่ที่ตั้งขึ้นเพราะตรงนี้เป็นเมืองฮากาตะไม่ใช่ฟุกุโอกะโดยอ้างอิงจากยุคสมัยก่อน สามารถไปหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้
และเมื่อเราหันหน้าเข้าไปทางตึกเยื้องซ้ายจากป้ายสถานีจะพบกับบันไดเลื่อนที่จะพาคุณขึ้นไปยังส่วนของระเบียงทางเดินชั้น2ด้านนอกของตึกที่สร้างโดยห้างสรรพสินค้าฮันคิว(Hankyu),อะมิว (Amu)และโทคิว แฮน(Tokyu Hands)เพื่อเป็นทางเชื่อมในการเข้าห้างสรรพสินค้าทั้ง3แห่ง ให้คุณได้ช้อปปิ้งแบบจุใจเพราะมีถึง13ชั้น ครบทุกอย่างทั้งแบรนด์หรูหราไฮโซจนถึงแบรนด์ตลาดยอดนิยม โดยตั้งแต่ชั้น8ลงไปจะเป็นส่วนของแฟชั่นจนถึงชั้นใต้ดินที่มีลานจอดรถและศูนย์อาหารอีกด้วย ในส่วนของชั้น7นั้นเป็นชั้นพิเศษสำหรับคนรักดนตรีเรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่ตามหา และยังมีร้านพิเศษๆอื่นๆอีกมากมายทั้งร้านสัตว์เลี้ยง โรงเรียนสอนทำอาหาร ร้านโมเดลรถไฟรวมอยู่บริเวณชั้น8โดยเฉพาะร้านโปเกมอนใครเป็นแฟนตัวจริงไม่ควรพลาด

ชั้น9ของตึกมีสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแหล่งเอ็นเตอร์เทนนั่นก็คือ โรงหนังT-Joyโรงหนังดิจิตอลสไตล์โมเดิล 11 จอและภัตตาคารนานาชาติทั้งญี่ปุ่น อินเดีย อิตาเลียน จีน ฝรั่งเศส ซิซิเลียน รวมถึงของหวานอย่างแพนเค้กเจ้าดังเช่นกัน ทั้งชั้นตกแต่งด้วยสวนญี่ปุ่นขนาดเล็กกับกำแพงโมเสกสไตล์เมดิเตอเรเนียนมองผ่านระเบียงกระจกสวยงามหรูหราสบายตา ส่วนที่ชั้น10เป็นที่ตั้งของ Kyushu University Business School เป็นอีกหนึ่งแคมปัสย่อยของมหาวิทยาลัยคิวชูที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก(พาเพื่อนๆมาแนะนำกัน)

อิ่มหนำสำราญกับการช้อปปิ้ง ทานข้าว ดูหนังกันเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่จุใจขอแนะนำให้ขึ้นลิฟต์ไปสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ที่ชั้นดาดฟ้าของตึก เพลิดเพลินไปกับสวนหย่อมและศาลเจ้า ที่สำคัญคือจุดชมวิวบนดาดฟ้าแบบพาโรนามามองวิวได้360องศา มีมุมไว้ถ่ายรูปสวยๆเพียบ แถมมีรถไฟรางสำหรับเด็กๆอีกด้วย

ใครจะเชื่อว่าตึกเดียวเที่ยวได้ทั้งวัน เพราะฮากาตะไม่ใช่แค่ชื่อสถานีรถไฟแต่ยังเป็นความภาคภูมิใจของจังหวัดฟุกุโอกะ และภูมิภาคคิวชูของจริง ใครที่มีแ

JR Hakata City/Hakata Station

Original：เขียนโดย Roger Ferrari